หากผลการตรวจออกมาทั้ง RT-PCR และ ATK แล้วพบว่าติดเชื้อโควิด-19 สามารถสังเกตอาการตนเองและทำการกักตัว โดยแบ่งของใช้ส่วนตัวและรักษาตามอาการในเบื้องต้นก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. ติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา
ขั้นตอนแรกจะต้องเช็กสถานพยาบาลตามสิทธิของตนเองเพื่อเข้ารับการรักษา เช่น สิทธิประกันสังคม สิทธิบัตรทองหรือสิทธิข้าราชการ โดยโรงพยาบาลจะทำการประเมินอาการหากเข้าเกณฑ์ผู้ป่วยสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรง อาจได้รับพิจารณาให้ทำการรักษาแบบ Home Isolation หรือประสานงานส่งต่อการรักษาไปที่ Hospitel ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยสามารถโทรไปได้ที่
- 1330 กรณีใช้สิทธิบัตรทอง
- 1506 กรณีใช้สิทธิประกันสังคม
- 02-2706400 กรณีใช้สิทธิข้าราชการ
2. กรณีที่อาการไม่รุนแรงและต้องการทำ Home Isolation / Hotel Isolation
ผู้ป่วยเกณฑ์สีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถเข้าระบบทำ Home Isolation / Hotel Isolation ได้ รวมทั้งเด็กที่มีอายุมากกว่า 5 ปี ผู้ปกครองสามารถดูแลได้เองโดยติดต่อเข้าระบบได้ ดังนี้
- ติดต่อสายด่วนของแต่ละเขตพื้นที่ หากอยู่ในพื้นที่ กทม. ติดต่อศูนย์เอราวัณ 1669 ต่อ 2 หากเป็นพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถติดต่อกับโรงพยาบาล สาธารณสุข หรือ อสม. ในพื้นที่ได้ทันที
- โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 14 เพื่อติดต่อขอรับเตียง
- ลงทะเบียนนเว็บไซต์ crmsup.nhso.go.th ระบบจะประสานงานไปยังหน่วยบริการที่อยู่ใกล้มากที่สุดเพื่อดูแลผู้ป่วย
- แอดไลน์ @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เลือกเมนูบริการเกี่ยวกับโควิด-19 และเลือกเมนูลงทะเบียนเข้าสู่ระบบการดูแลที่บ้าน
หากยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับภายใน 6 ชั่วโมง ให้โทรติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือหากมีอาการรุนแรงให้โทร. 1669 เพื่อขอรับการช่วยเหลือฉุกเฉิน
3. กรณีที่มีอาการรุนแรง ใช้สิทธิ UCEP ในการรักษาฟรี
ผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ทีแดงและสีเหลือง สามารถเข้ารับการรักษาได้ฟรีทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน โดยจะต้องมีความจำเป็นทางการแพทย์และอาการตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- มีอาการหายใจติดขัด หอบเหนื่อย หายใจเร็วกว่า 25 ครั้ง ต่อนาทีในผู้ใหญ่
- หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
- มีอาการซึม เหงื่อออก ตัวเย็น
- เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน
- มีอาการชัก
- แขนขาอ่อนแรง
- เมื่อตรวจด้วยปรอทวัดไข้แล้วพบว่าไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส นานกว่า 24 ชั่วโมง
- ตรวจออกซิเจนในเลือด (Oxygen Saturation) ด้วยเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว แล้วพบว่าออกซิเจนต่ำกว่า 94%
- มีโรคประจำตัวที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือจำเป็นต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตามดุลยพินิจของแพทย์
- สำหรับในเด็ก หากมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ดื่มนมหรือทานอาหารน้อยลง
4. กรณีต้องการเข้ารับการรักษาแบบ Hospitel
สำหรับผู้ป่วยสีเขียวที่มีผลตรวจแบบ RT-PCR หรือ ATK เป็นบวก สามารถเข้ารับการรักษาแบบ Hospitel ได้ โดยจะมีแพทย์ประจำและมีพยาบาล รวมถึงเครื่องมือพื้นฐานสำหรับดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยจะต้องออกค่ารักษาเองหรือเคลมประกันโควิด-19 จากกรมธรรม์ที่ทำไว้
5. กรณีมีประกันภัยโควิด-19 แบบเจอจ่ายจบ เคลมได้หรือไม่
หากผู้ป่วยมีหลักฐานยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 จากผล RT-PCR จากห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถเคลมประกันได้ตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 จนถึงวันที่ 16 พฤษภาคม 2565
เอกสารเบิกประกันโควิด
- แบบฟอร์มสำหรับเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
- ใบรับรองแพทย์และผลการตรวจโรคโควิด-19 (ฉบับจริง)
- ผลการตรวจโควิด-19 จากห้องปฏิบัติการ ( ฉบับจริง)
- ประวัติการตรวจรักษาพยาบาล (มีตราประทับของโรงพยาบาล)
- ใบเสร็จใช้จ่าย รายละเอียดยา/เวชภัณฑ์ (มีตราประทับของโรงพยาบาล)
- สำเนาบัตรประชาชน เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง (สำหรับเฉพาะแผนเจอ จ่าย จบ)
- สำเนากรมธรรม์ประกันโควิด-19 ที่ยังไม่หมดอายุ
- เอกสารอื่นๆ ตามความจำเป็น (ถ้ามี)
6. หากมาตรวจที่ ReadyCheckGo Clinic เคลมประกันโควิดได้หรือไม่?
กรณีที่มาตรวจโควิด-19 กับ ReadyCheckGo Clinic ทั้งในและนอกสถานที่ สามารถออกเอกสารสำหรับเคลมประกันโควิด-19 ได้ ซึ่งผลการตรวจ RT-PCR (PCR Certificate) ได้จากห้องปฏิบัติการของคลินิกเทคนิคการแพทย์รามคําแหงที่ได้รับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถออกใบรับรองแพทย์ รวมทั้งใบเสร็จรับเงินในรูปแบบบริษัทพร้อมตราประทับทุกฉบับ() นอกจากนี้ ยังช่วยส่งต่อการรักษาในรูปแบบ Hotel isolation ได้ที่โรงแรมเดอะกรีนเบลส์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือสามารถรับการรักษาแบบ Hospitel โดยมีเอกสารสำหรับเคลมประกันให้ครบถ้วน สะดวกสบายโดยไม่ต้องติดต่อโรงพยาบาลหรือ Hotel เอง
สามารถเดินทางเข้ามาตรวจโควิด-19 ด้วยตนเองได้ทั้งแบบ Walk-In และ Drive-Thru จองคิวล่วงหน้าหรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. 081-1349474